พระที่นั่งที่สำคัญ ของ หมู่พระวิมาน (พระราชวังบวรสถานมงคล)

พระที่นั่งวสันตพิมาน

พระที่นั่งวสันตพิมาน เป็นพระที่นั่ง 2 ชั้น 1 ใน 3 หลังของหมู่พระวิมาน สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พระบรรทมของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในทำนองว่าใช้ประทับในฤดูฝน[6] โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเคยเสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งองค์นี้ หลังจากการปรับปรุงในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระองค์ก็มิได้เสด็จเข้ามาประทับที่พระที่นั่งองค์นี้ ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จมาประทับในพระที่นั่งองค์นี้ชั่วระยะหนึ่ง โดยมีการตั้งพระแท่นแขวนเศวตฉัตร ดังเช่นห้องพระบรรทมที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง[7] หลังจากนั้น พระองค์จึงเสด็จย้ายไปประทับ ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น[8]

ปัจจุบัน พระที่นั่งแห่งนี้ ในส่วนชั้นล่างนั้น จัดแสดงเครื่องถ้วยต่าง ๆ[9] ส่วนชั้นบนแสดงงาช้าง จากช้างต้นและช้างสำคัญ รวมทั้ง งานศิลป์ที่สร้างขึ้นจากงาช้างด้วย[10]

พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ

พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ เป็นพระวิมานหลังกลาง 1 ใน 3 หลังของหมู่พระวิมาน สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่บรรทมของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เช่นเดียวกันกับพระที่นั่งวสันตพิมาน แต่สร้างในทำนองเพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูหนาว[6] สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ใช้เป็นที่พระบรรทมและเสด็จทิวงคต ณ พระที่นั่งแห่งนี้[11] พระที่นั่งองค์นี้ได้รับการซ่อมแซมในสมัยของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ และในสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ตั้งของปราสาททองสำหรับประดิษฐานพระอัฐิของกรมพระราชวังบวรฯ ทั้ง 3 พระองค์ โดยสร้างเป็นปราสาทยาว 3 ห้อง ห้องกลางยกพื้นสูงกว่าอีกสองห้อง เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท อีกสองห้องเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ดังนั้น พระที่นั่งองค์นี้จึงมีความสำคัญมากกว่าพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ในหมู่พระราชมณเฑียร[8] หลังจากนั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเชิญพระอัฐิขแงกรมพระราชวังบวรฯ ไปไว้ที่วิหารพระธาตุ ภายในพระบรมมหาราชวัง[7]

ปัจจุบัน พระที่นั่งแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องทองต่าง ๆ ทั้งที่เป็นเครื่องประดับ เครื่องทองที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในศาสนพิธี หรือประกอบพิธีกรรมความเชื่ออื่น ๆ รวมทั้ง จัดแสดงบุษบกประดิษฐานพระบรมอัฐิสมเด็จพระบวรราชเจ้าในรัชกาลที่ 1-3 และเครื่องสูงสำหรับวังหน้าอันเป็นของที่ตั้งอยู่เดิมภายในพระที่นั่ง[12]

พระที่นั่งพรหมเมศธาดา

พระที่นั่งพรหมเมศธาดา เป็นพระวิมานหลังเหนือในหมู่พระวิมาน เมื่อแรกสร้างในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทนั้น มีนามว่า "พระที่นั่งพรหมเมศรังสรรค์" โดยมีการสันนิษฐานว่าเดิมน่าจะมีนามอื่นมาก่อน ในทำนองความว่าใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน แต่อาจมีเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนนามพระที่นั่งใหม่[6] ภายหลังการซ่อมแซมพระราชมณเฑียรในสมัยของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระองค์ทรงเปลี่ยนสร้อยพระที่นั่งใหม่ว่า "พระที่นั่งพรหมเมศธาดา" เพื่อให้ชื่อสอดคล้องกับ "พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย" ที่พระองค์โปรดฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ด้วย พระวิมานหลังนี้เคยใช้เป็นหอพระอัฐิของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท แต่ภายหลังจากการย้ายพระอัฐิไปประดิษฐานที่พระที่นั่งวายุสถานอมเรศแล้ว ก็ไม่มีปรากฏว่ามีกรมพระราชวังบวรฯ พระองค์ใดเสด็จมาประทับ ณ พระวิมานองค์นี้ ภายหลังจึงใช้เป็นที่เก็บของตลอดมา[5]

ปัจจุบัน พระที่นั่งแห่งนี้ใช้จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ โดยชั้นล่างจัดแสดงเครื่องแต่งกายของเจ้านายและผ้าโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาถึงปัจจุบัน[13] ส่วนชั้นบนนั้นจัดแสดงเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา เช่น พัดพระราชลัญจกร เครื่องบริขารสงฆ์ เป็นต้น[14]

พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย

พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นใหม่เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์หมู่พระวิมาน พร้อมทั้งสร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ขึ้นเพื่อเป็นท้องพระโรง เนื่องจากพระองค์เสด็จลงมาประทับ ณ พระที่นั่งบูรพาภิมุข ซึ่งตั้งอยู่ที่มุขหน้าของพระวิมาน และโปรดฯ ให้นำพระที่นั่งบุษบกมาลาซึ่งตั้งอยู่ในมุขเดิมมาตั้งไว้ ณ พระที่นั่งแห่งนี้ด้วย พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยสร้างโดยถ่ายแบบมาจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง แต่มีขนาดที่เล็กลงและไม่ทำซุ้มพระแกลและพระทวาร ส่วนการใช้สอยพระที่นั่งนั้น ก็เป็นเช่นเดียวกับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย คือ ใช้เป็นที่เสด็จออกแขกเมือง และบำเพ็ญพระราชกุศล นอกจากนี้ พระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ตั้งประกอบพิธีอุปราชาภิเษกและใช้ตั้งพระศพของกรมพระราชวังบวรฯ ด้วย ซึ่งเป็นข้อแตกต่างของการใช้สอยพระที่นั่งระหว่างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยและพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย[5][15]

ปัจจุบัน พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพิเศษและยังคงเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งบุษบกมาลา พระราชบัลลังก์ที่ประทับของกรมพระราชวังบวรฯ อยู่เช่นเดิม[16]

พระที่นั่งบุษบกเกรินที่ประดิษฐานใน พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย